เวย์น รูนี่ย์ แสดงความอึดอัดใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอดีตต้นสังกัดเก่าของเขา เลยสวมบทหมอดู ชี้ชัด แมนฯ ยูไนเต็ด จะก้าวไปไม่ถึงแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในช่วงต่อจากนี้อีกหลายปี และจะเป็นอย่างนั้นแน่นอน พร้อมยังตอกย้ำซ้ำเติมไปด้วยว่าพวกเขาจะไม่ติด ท็อปโฟร์ ในฤดูกาลนี้ หากสถานการณ์ต่าง ๆ ยังไม่ดีขึ้น
รูนี่ย์ ซึ่งปัจจุบันนี้เขารักษาตำแหน่งผู้จัดการทีม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ สโมสรที่กำลังต่อสู้กันในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นส่วนตัวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่มีลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปอีก 2-3 ปีต่อจากนี้
ผ่านไปไม่รู้กี่ปีแล้วที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้อีกเลย นับตั้งแต่ฤดูกาล 2012-13 เป็นต้นมา และถึงแม้จะมีบางฤดูกาล ที่มีผลงานที่ดี แต่ก็ไปไกลสุดได้แค่อันดับ 2 และแต้มก็ห่างจากทีมที่เป็นแชมป์อย่างมากมาย จนถึงตอนนี้สถานการณ์ของทีมก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก รูนี่ย์ กล่าวกับ ทอล์คสปอร์ต สื่อกีฬาของอังกฤษว่า
“ยูไนเต็ด จะไม่ได้แชมป์ลีกในอีก 2 หรือ 3 ปีต่อจากนี้แน่ ยอมรับกันตามตรงดีกว่า พวกเขายังห่างจากการเป็นแชมป์เยอะ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล น่ะอยู่คนละระดับเลย ตอนนี้พวกเขาขาดความมั่นคง มันจะมีการตัดสินใจ (เรื่องกุนซือถาวรคนใหม่) หลังจบฤดูกาลนี้ และมันต้องเป็นการเลือกที่ดีด้วย”
เจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงความเชื่อด้วยว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่ติดท็อปโฟร์ในฤดูกาลนี้แน่นอน หากสภาพโดยรวมของทีมยังเป็นแบบนี้อยู่ โดยพอถูกถามว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้ท็อปโฟร์ในซีซั่นปัจจุบันหรือไม่นั้น เขาก็คอบว่า
“ถ้าให้พูดกันตามตรงน่ะผมคิดว่ามันจะเป็นงานยากพอตัว คุณจะเห็นเลยว่าความมั่นใจของพวกเขาอยู่ในระดับที่ต่ำมากๆ แถมสโมสรยังกำลังเจอกับปัญหาในด้านอื่นๆ เช่นกัน”
“แน่นอน พวกเขามีนักเตะดี ๆ อยู่ในทีมหลายคน และบางนัดก็ได้ผลการแข่งขันที่ดี แต่ฟอร์มการเล่นของพวกเขามันไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรเลย มันต้องมีการปรับปรุงในจุดนั้น บรรดานักเตะต้องเริ่มแสดงบุคลิกของพวกเขาออกมาให้ได้, แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และสู้เพื่อสโมสรอย่างเต็มที่ ผมต้องพูดตามตรงเลยว่าเวลาที่ผมได้ดูพวกเขาเล่นแล้วน่ะมันก็มีหลายนัดของพวกเขาที่ทำให้ผมเกิดการกังขาว่าพวกเขาไม่ได้แสดงให้เห็นถึงเรื่องเหล่านั้นออกมา”
“ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไปแล้วล่ะก็ ผมก็ไม่คิดว่า ยูไนเต็ด จะติดท็อปโฟร์หรอก ผมคิดว่าบรรดานักเตะต้องมีการหารือระหว่างกันอย่างจริงจังโดยที่ไม่ต้องไปถามโค้ชหรือสตาฟฟ์คนไหนทั้งนั้น พวกเขาจำเป็นต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนซี้กันหรือเกลียดขี้หน้ากันแต่ไหนก็ตามแต่พวกเขาก็จำเป็นต้องมีความสามัคคีกันเป็นเวลา 90 นาทีในการเล่นให้กับสโมสร”
บทความโดย https://w88plays.com/